My memory

Wednesday, June 21, 2006

++ เรื่องขำขัน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว++



1. ระยะแรกราวปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณพระราชวังไกลกังวลนั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหินหนองพลับแก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง ทำนองเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่บ้านห้วยมงคลอำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่างสนุกสนานครื้นเครงและไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ ต้องให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้..วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ.. ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการพร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตามและทรงมีพระดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า”วันนี้ฉันเป็นในหลวง.คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ.."

2. อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงนเมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้จึงมีคำกราบทูลว่า ”ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.." มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือนก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.. พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัวพระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัวตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว" เรื่องนี้ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

3. มีเรื่องนึงเคยฟังจากผู้ใหญ่เล่าเมื่อนานมาแล้วมีช่างไปทำฝ้าเพดานในวัง คนนึงกำลังยืนบนบันไดส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า อีกคนคอยจับบันไดอยู่ด้านล่าง พอดีในหลวงเสด็จมา คนที่อยู่ข้างล่างเห็นในหลวงก็ก้มลงกราบคนอยู่ด้านบนไม่เห็น ก็บอกว่า “เฮ้ย จับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง” ในหลวงทรงจับบันไดให้ เค้าก็บอกว่า “เออ ดีๆเสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง” (สงสัยคงจะเพิ่งเข้ามาทำงานยังไม่ผ่านโปร)พอเสร็จก็ก้าวลง พอเห็นว่าในหลวงเป็นคนจับบันไดให้ ถึงกับเข่าอ่อน จะตกบันได รีบลงมาก้มกราบ ในหลวงทรงตรัสกับช่างว่า “แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย"

4. เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษามีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่นเจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของ
ท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"

5. เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดินเพราะเรียนมาตั้งแต่เล็กแต่ไม่เคยได้ใช้เมื่อออกงานใหญ่จึงตื่นเต้นประหม่าซึ่งเป็นธรรมดาของคนทั่วไป และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงานหรือกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในพระราชานุกิจต่างๆนานัปการท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการเคยเล่าให้ฟังว่าด้วยพระบุญญาธิการและพระบารมีในพระองค์นั้นมีมากล้นจนบางคนถึงกับไม่อาจระงับอาการกิริยาประหม่ายามกราบบังคมทูลจึงมีผิดพลาดเสมอ แม้จะซักซ้อมมาอย่างดีก็ตามครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า ”ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า พลตรีภูมิพลอดุลยเดชขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" เมื่อคำกราบบังคมทูลในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..." ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

6. เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านให้เพื่อนๆฟังตั้งหลายเรื่อง วันนี้เริ่มเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะ เรื่องมีอยู่ว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2513วันนั้นท่านทรงเสด็จไปหมู่บ้านท้ายดอยจอมหด พร้าวเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านลีซอกราบทูลชวนให้ไปแอ่วบ้านเฮาท่านก็ทรงเสด็จตามเขาเข้าไปบ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่และมุงหญ้าแห้งเขาเอาที่นอนมาปูสำหรับประทับแล้วรินเหล้าทำเองใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้างจนมีคราบดำๆ จับ ทางผู้ติดตามรู้สึกเป็นห่วงเพราะปกติไม่ทรงใช้ถ้วยมีคราบ จึงกระซิบทูลว่าควรจะทรงทำท่าเสวยแล้วส่งถ้วยมาพระราชทานผู้ติดตามจัดการเอง แต่ท่านก็ทรงดวดเอง กร้อบเดียวเกลี้ยงตอนหลังทรงรับสั่งว่า "ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้นเชื้อโรคตายหมด" ซึ้งไหมหล่ะ

7. เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งพ่อหลวงทรงเสด็จไปทีตลาดสดทรงแวะไปเสวยก๋วยเตี๋ยว แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เห็นก็สงสัย จึงทูลถามท่านว่า "ทำไมหน้า เหมือน
ในหลวงจัง?" ท่านไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆทรงจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแล้วตรัสชมว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยส่วนแม่ค้ามารู้ที่หลังว่าเป็นท่านก็ได้แต่ปลื้ม

8. เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่าในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้วราษฎรผู้หนึ่งจึงกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"

9. เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่ามีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรอธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้วปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่าเมื่อกี้นี้ (ชื่อ....)เค้ารับไปแล้วและมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆไฟดับไปชั่วขณะทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูปพอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาทท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้งเพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึกตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม

Monday, June 05, 2006

เมื่อตัวการ์ตูนออกมาเดินเล่น...

นี่แน่ะ.. ทีหลังอย่าซนอีก รู้มั้ย...

โอ๊ย!!... เจ็บนะยะ


อร่อยไหมจ๊ะ...พ่อรูปหล่อ


จะหนีไปไหน!!!

ว้าย!!..มาเปิดกระโปรงเค้าทำไมอ่ะ


เฮ้ย!ปล่อย...เดี๋ยวป๊ะโดน


ว๊าก!!!ปล่อยเถอะ...อย่าทำผมเลยค๊าบ..บ..บ ขอร้อง..ง..